Art For Community

Art For Community

These are free – download digital files.

I am joyfully making this available to the public. You are welcome to use these in your classrooms, for your mutual-aid websites, in the streets, in your zines, for your heart, etc. 

Please consider donating $5 – $20 per download to one of the organizations listed below or to one of your choosing. 

If you are a for-profit business looking to work with me, please email me for licensing information. 

==================== Non- profit Organizations ======================

Chicago Freedom School – provides training and education for young people and adult allies to create a just world. https://chicagofreedomschool.org/

Moms United Against Violence and Incarceration -organizes mutual support and participatory defense in solidarity with mothers who’ve suffered criminalization and separation from their kids. https://www.facebook.com/MomsUnitedChi/

For the People Artist Collective – is a radical squad of Black artists and artists of color in Chicago creating visuals to support campaigns for justice in Chicago. https://www.forthepeoplecollective.org/microgrants.html

The Love Fridge is a collective that practices mutual aid grounded in food. We are powered by kindness, generosity, and most importantly, love. We are your neighbors, looking out for our community. https://thelovefridge.com/ venmo : ashley-godfrey-8 or cashapp : $thelovefridge

=================== Terms =============================

*Please read below for a few regulations about how to use my work.

*Please do not edit any of my illustrations without my permission. Please always credit me when sharing my work. Only images on this “art for community” set are being made available to the public. The use of my other images without a licensing contract is subject to copyright infringement. These images are being offered for non-revenue generating purposes. If you are looking to print this work in some format and utilize it for a fundraiser, please contact me. Thank you!

ศิลปะเด็ก หรือที่โชว์ผลงานของผู้สอน

ศิลปะเด็ก หรือที่โชว์ผลงานของผู้สอน

อยากเขียนเรื่องนี้มานาน แต่ก็ลังเลมาตลอดเพราะไม่อยาก cause a drama
แต่มาคิดดูอีกที อืม ก็ไม่เห็นจะเป็นไร ถ้าบทความนี้จะเป็นประโยชน์หรือทำให้พ่อแม่หรือคุณครูฉุกคิดอะไรได้บ้าง ก็น่าจะดีไม่ใช่เหรอ
เพราะจริงๆแล้วการดีเบตคือสิ่งที่ดี

เอาละเริ่ม! (ใคร closed minded กรุณาเลื่อนผ่านนะคะ อ่านไปก็เสียเวลาคุณเปล่าๆ) ทักท้วงได้ เห็นต่างได้ แต่ค้านแบบหัวชนฝานี่ ก็ได้อีกเช่นกันค่ะ

ศิลปะเด็กในยุค 2021

เราเป็นเด็กยุค 90s ค่ะ คือเกิดปลาย 80s
มีความสนใจด้านศิลปะ และจบปริญญาด้านศิลปะมา เพราะฉะนั้นหัวข้อนี้น่าสนใจมากๆสำหรับเรา

เมื่อปลายปีรูปนี้ได้ถูกแชร์อย่างกว้างขวาง ในกลุ่มคุณครู และกลุ่มโฮมสคูลที่เมกาและแคนนาดา
เราไม่แน่ใจว่าเคยมีคนพูดถึงเรื่องนี้ไปรึยัง ห้องนี้เป็นห้องเดียวที่เราตามเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาที่ไทย
และเห็นผ่านตาเยอะพอสมควรที่คุณพ่อคุณแม่ให้ลูกๆทำกิจกรรมศิลปะแบบ “Pinterest” Art / Activities

ซึ่งไม่ใช่เรื่องผิดอะไรเลย เราก็ใช้ Pinterest บ่อยมากๆ ทั้งเสพงานใหม่ๆ หรือหากิจกรรมให้ลูกชายทำ

ก่อนอื่นเลย เราไม่ใช่เซียน เราต้องการแค่มาแชร์ความเห็นของเราและอัพเดทความเห็นฝั่ง Western ค่ะ
เราโฮมสคูลลูกแบบมอนเตส กึ่งๆ Nature base (คือไม่ถึงกับ forest school)
และตอนนี้เป็นคุณครูอนุบาล ห้อง special ed. program ที่ Chicago ค่ะ (โปรแกรมสำหรับเด็กพิเศษ)
เพจที่ตามเลยเป็นแนวๆนี้

เริ่มต้นจากรูปนี้ค่ะ
คุณพ่อคุณแม่คุณครูมีความเห็นว่าอย่างไรบ้าง
อรถูกสอนมาตลอดว่า ศิลปะไม่มีคำว่าผิด
และตัวอย่างทั้งสองก็ไม่มีอันไหนผิด

แต่อันไหนคือศิลปะที่ “เด็ก” ทำ
และอันไหนคือศิลปะที่ได้ผลลัพธ์ตามที่ผู้สอนต้องการ
แล้วมันใช่ศิลปะที่เด็กทำจริงๆเหรอ

จริงอยู่ รูปขวา เด็กวางกระดาษ ทากาวเอง หรือแม้แต่ทำทุกอย่างเอง
แต่เป็นผลจากการตกผนึกทางความคิดของเด็กเองรึป่าว
หรือว่าผู้สอนคอยบอกคอยไกด์ว่าตัดขนาดไหนยังไง วางตรงไหน

วัว ของเด็กควรจะคล้ายกับเด็กคนอื่นรึป่าว
คลาสสอนเด็กทำอาหาร ควรจะมีแบบให้เด็กดูหรือไม่ว่าควรจะจัดจานแบบไหนยังไง

นี่เรากำลังสอนให้เด็กเป็นผู้ตาม ทำตามแบบที่ผู้ใหญ่คิดมาให้แล้ว หรือเห็นว่าดีแล้ว
นี่เรากำลังปิดกั้นจินตนาการของเด็กอยู่รึป่าว

คลาสศิลปะสำหรับเด็ก (คลาส realistic drawing ของเด็กโตไม่นับนะคะ)
จุดประสงค์ที่แท้จริงคืออะไร

Child “art” or Teacher “craft”?

อรจำความรู้สึกตอนเด็กๆได้
ทำไมคุณครูถึงไม่ชอบภูเขาสีชมพูของเรา
ทำไมคุณครูถึงมีรูปตัวอย่างการวาดวิวให้เราดูว่าเราควรจะมีพระอาทิตย์อยู่ตรงกลางระหว่างภูเขาสองลูก

มันไม่ใช่เรื่องน่าจำเลย
แต่เรากลับจำมันได้
และกลัวทุกครั้งที่จะสร้างงานศิลปะที่ฉีกจากกรอบ

โตมาถึงรู้ว่าเรา Play safe มาตลอด

อีกเรื่องที่เรานึกไม่ถึง คือสมุดภาพระบายสี
โดยส่วนตัวเราไม่เคยซื้อสมุดภาพระบายสีให้ลูกเลย
ไม่ใช่ว่าไม่มีติดบ้านนะ แค่ไม่เคยซื้อเองเลย
ทั้งหมดคือได้เป็นของฝากของขวัญจากคนที่รักเราและรักลูกเรา
แต่เราไม่เคยให้ลูกเราใช้เลย เราเอาวางไว้ที่ชั้นหนังสือ รวมๆกับหนังสือเด็กอื่นๆ
ลูกเราเปิดดู ก็ไม่เคยร้องจะระบายเพราะไม่รู้ว่ามันระบายได้
(เคยสอนไว้ว่าเราไม่ขีดเขียนบนหนังสือค่ะ แม่หวงหนังสือมากกกกก ฮ่าๆ)
และเพราะเราสอนลูกแบบมอนเตส สมุดภาพระบายสีนี่ห่างไกลจากคำว่ามอนเตสมากๆ
ปกติคือวาดบนกระดาษรีไซค์เคิล กระดาษเปล่า กล่องลัง กล่องซีเรียลไรงี้

จนมามีลูกเพื่อนมาบ้านนี่แหละ เค้าถึงเอาออกมาระบายกัน
เป็นครั้งแรกที่ลูกเราได้ระบายสีบนรูปภาพที่วาดโดยคนอื่น
และเป็นครั้งแรกที่ได้ยินคำว่า “color outside the lines
side note : จริงๆมันก็มีข้อดีของมันนะคะ แต่เราคิดว่าเราสามารถฝึกกิจกรรมที่ได้ผลลัพธ์เดียวกันแต่สร้างสรรค์กว่าการบอกเด็กๆว่าห้ามระบายออกนอกเส้น

เป้าหมายของผู้ปกครองในการเลี้ยงลูก แต่ละคนอาจจะแตกต่างกันไป
เราไม่มีเป้าหมายที่แน่ชัด เพราะเราคิดว่ามันไม่ควรเป็นการตัดสินใจของเรา

มันควรเป็นการตัดสินใจของลูกเรา
ไดโนเสาร์จะมีห้าขา ก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไร

ORN’s Life in the USA

ORN’s Life in the USA

อยากจะเขียนมานาน แต่ไม่ว่างสักที (อันนี้ข้ออ้างค่ะ จริงๆแล้ว ขี้เกียจ ฮ่าๆๆ)
ต้องการมาเขียนเรื่องการวางแผนชีวิตสักหน่อย แต่ละคนมีเป้าหมายแตกต่างกันออกไป
เราเคยตั้งเป้าหมายว่าอยากทำงานได้ตำแหน่งดีดี มีเงินเยอะๆ สร้างความมั่นคงให้ลูก
แต่โควิดทำให้เราตระหนักว่าเรามัวแต่เสียเวลาที่จะได้เห็นลูกโต ร่างกายพัง ชีวิตคู่พัง
เราเลยต้องมาวางแผนใหม่ เพราะอยากเต็มที่กับลูกมากขึ้น เด็กนี่โตแล้วโตเลยนะจ๊ะ
กอดหอมกันตลอด เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม

อรมาด้วยวีซ่านักเรียนค่ะ กะว่ามาเรียนภาษา ทำงานไปด้วยเก็บเงิน เพื่อสอบเรียนโทต่อ
ความฝันกับความจริงมันต่างกันมาก

ยาวหน่อยนะคะ หรือจะเลื่อนไปอ่านเนื้อความหลักๆที่ Part 2 ได้เลยค่ะ

โรงเรียนที่มาเรียนภาษาคือแบบคนไทยทั้งนั้นเพราะค่าเทอมถูกมาก คนไม่ได้มาเรียนกันจริงๆ
เรียนอยู่หกเดือน รู้สึกไม่ได้อะไรเลย เลยคิดว่าไม่ได้ละ จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ไม่ได้
แต่ทำยังไงละ ตังก็ไม่มี ถ้าย้ายไปโรงเรียนอื่นค่าเทอมก็จะแพงขึ้น เลยตัดสินใจหางานใหม่
จากที่ทำร้านไทย ก็ลองไปสมัครร้านเอเชียอื่นๆบ้าง
ผลจากการเสี่ยงก้าวออกจาก comfort zone ครั้งนั้นคือเราทำงานจำนวนชั่วโมงเท่าเดิม
แต่ได้เงินมากขึ้นสองเท่าตัว ทีนี้เราก็มาคำนวนค่าใช้จ่ายทั้งหมดว่าในวันที่ได้ทิปแย่ๆ
เฉลี่ยแล้วเราทำงานเหลือเก็บเท่าไหร่ เพื่อที่จะได้รู้ว่าเราจ่ายค่าเรียนเพิ่ม ไหวที่เท่าไหร่
ในที่สุดก็ตัดสินใจลงเรียนที่ community college ในดาวนทาวนชิคาโก
เพราะมี Art department ที่มีวิชาที่เราสนใจทั้งนั้นเลย แผนก็คือลงเรียน ESL 99 = 6 หน่วยกิต
และเราต้องเติมอีก 6 หน่วยกิจถึงจะเป็นฟูลไทม์ ตามที่วีนักเรียนกำหนด
ซึ่งอรลงเรียนภาพพิมพ์ไป และทำให้รู้ว่าอาจารย์จากที่นี่คืออาจารย์ที่สอนที่
school of the art institute of chicago (SAIC) ด้วย
ทำให้เราได้รับคำแนะนำดีดีมาตลอด เราลงเรียนวิชาทางศิลปะซ้ำๆ
ภาพพิมพ์ เซรามิค เขียนแบบสถาปัตย์ ลงคลาสเดิมๆนี่แหละ
สามเทอม ได้ Dean list สองเทอมเลยน๊าขอโม้หน่อย

เอาละพอร์ตพร้อม คนพร้อม เงินไม่พร้อมจ้าาาาาาาา คราวนี้ก็ถึงคราวตามล่าหาทุนการศึกษา
เราก็เข้าร่วม Portfolio day ทุกเทอมที่ SAIC ซึ่งเป็นวันที่มหาลัยจากทั่วประเทศด้านศิลปะ
กี่มหาลัยไม่รู้ รู้แค่ว่าเราแวะไปประมาณ 50 โต๊ะ ขั้นตอนก็คือเดินเข้าไปแนะนำตัวกับ recruiter
ของมหาลัยที่เราสนใจ โชว์แฟ้มผลงาน และพูดคุยถามตอบ ทำวนไป จนหมดแรง หรือหมดวัน
ครั้งแรกที่ไป หอบฟีดเบคกลับบ้านเต็มเลย
แต่ไม่มีออฟเฟอร์ใดใดทั้งสิ้น จนปีครึ่ง หรือ 3 semester / portfolio days
ถึงได้ออฟเฟอร์ที่ MINNEAPOLIS COLLEGE OF ART AND DESIGN แต่ได้ทุนแค่ 25% นะ
โหหหหหห ใครจะไปว่ะ หนาวก็หนาว ส่วน SAIC เค้าบอกว่างานเรามัน Mass ไปหน่อย สรุป ไม่ได้ไปไหน
อยู่ที่เดิม ตอนนั้นเริ่มขายงานแล้ว เริ่มรับงานวาดรูป และออกแฟร์ และมีโปรดักซ์ฝากขายอยู่ตาม
local shop ในชิคาโกบ้างแล้ว
เลยไม่ได้รู้สึกว่าอยากย้ายไปไหน แต่มันก็ทำให้เราต้องมาคิดแล้วว่าจะเอายังไงต่อไปกับชีวิต
จะให้ชั้นเปลี่ยนสไตล์งานเพื่อให้ได้เข้าอาร์ตสคูลก็ไม่ใช่เรื่องปะเนี่ย แล้วต้องเป็นหนี้ด้วยนะ
ค่าเรียนที่ SAIC สมัยนั้นนี่ $1450 per credit ต้องเรียน 60 หน่วยกิตถึงจะจบ $87000
เราควรจะเรียนหรือควรจะถอย เราตัดสินใจถอยค่ะ
เพราะคิดว่าปริญญาโทด้านศิลปะนี่ แหมมมม มันไม่ค่อยจะ makes financial sense สักเท่าไหร่
** อันนี้ความเห็นส่วนตัวเราเฉพาะด้านศิลปะนะคะ ด้านอื่นๆ ลุยเลยค่ะ เรียนจบมายังไงก็คุ้ม

แล้วงานก็เข้าค่ะ เทอมถัดมา city college ที่เรียนอยู่ประกาศว่าเทอมหน้าจะขึ้นค่าเทอม
จาก $3,750 เป็น $9000 ซึ่งคำนวนแล้ว ต่อให้ย้ายไปเช่าบ้านที่มีรูมเมท หรือหางานทำเพิ่ม
ให้ตายยังไงเราจ่ายไม่ไหวเราเลยบอกแฟนว่า หมดเทอมนี้ชั้นกลับบ้านละนะ จ่ายม่ายหว่าย
แฟนเราเลยบอกว่างั้นก็แต่งงานกัน ยูจะได้โฟกัสในสิ่งที่อยากทำจริงๆ
เราถือว่าเราโชคดีมาก แฟนไม่รวย แต่แฟนเชื่อในตัวเรา

ปัญหาหลักหมดไป บ่วงที่พันอยู่ก็เริ่มคลายออก
พอมีใบทำงาน อาจารย์เลยเสนองาน TA ให้เราที่ห้องภาพพิมพ์
เราก็ทำควบคู่ไปกับร้านปิ้งย่างญี่ปุ่นชื่อดัง หน้าร้อนก็ออกงานแฟร์ ตอนนั้นคือมีความสุขและสนุกมาก
เพราะงานเสิร์ฟเงินดี จนเราไม่ต้องโฟกัสว่าจะต้องทำเงินกับงานศิลปะที่เราทำ
เราสามารถทำเพราะใจรักได้
และงาน TA ทำให้เราสามารถใช้อุปกรณ์ แท่นพิมพ์ที่โรงเรียนได้อีก โอ๊ยมีความสุข

หลังจากนั้นไม่นาน เราก็ท้อง ความเป็นแม่นี่พุ่งสูงสุด เริ่มเครียด ไม่ได้ละนะ จะมาลอยไปลอยมาแบบนี้ไม่ได้
วางแผนใหม่ ซื้อคอนโดด้วยเงินเก็บตัวเอง กู้ชื่อเราคนเดียว เพราะเราเครดิตดี แฟนเครดิตแย่ถึงแย่ที่สุด
งานขายของเริ่มทำเงินได้ดี ขึ้นเพราะจับทางได้ว่าคนชอบแบบไหน
เราทำงานเสริฟจนถึงเจ้านายบอกให้หยุดเพราะอีก 2 wks จะถึงกำหนดคลอด
แหม ไอ้เรารึก็รีบทำงานเก็บเงินเพราะจะเลี้ยงลูกเอง ส่วนนายกลัวมาคลอดที่ร้านเค้า ฮ่าๆ

============= Part 2 ==================

อรอยู่บ้านเลี้ยงลูกได้สองปี เครียดมาก เพราะสงสารแฟน
งานเราขายได้เรื่อยๆ แต่พอมีลูกเล็ก เวลาไปออกงานแฟร์มันลำบากมาก
แฟนเราต้องทำงานสามจ๊อบ ทำงานออฟิตเสร็จไปทำเสริฟ และขับอูเบอรวันที่ไม่ได้ทำเสริฟ
เราเลยหางานพาร์ทไทม์ทำ ข้อแม้คือต้องได้เงินดี และสลับเลี้ยงลูกกับแฟน
เอาวะ ลองสมัคร Grand lux cafe ซึ่งเป็นเครือเดียวกับ Cheesecake factory ทำได้เก้าเดือน
เราสมัครเมเนเจอร์ที่แพนด้า แฟนไม่ต้องทำงานหลายที่แล้ว เราเอาลูกเข้าโรงเรียนในดาวนทาวน์
ไม่งั้นแฟนจะไปรับกลับบ้านไม่ทัน ค่าเรียน Montessori ที่ลูกเราเคยไป จ่ายเดือนละ $2,500

มานึกๆดู ก่อนหน้านี้เราทำงาน 60- 70 ชมต่ออาทิตยเพื่อเอาเงินไปให้คนอื่นดูลูกเรา
ในขณะที่เราไม่มีเวลาให้ลูกเลย แถมทะเลาะกับสามีตลอด อรเป็นจีเอ็มอยู่จนถึง lock down
สาขาที่เราทำปิดชั่วคราวเราเคลมเงิน UI คุณเชื่อไหม
เราได้เงินน้อยกว่าตอนทำงานประมาณ $1,000 / paycheck
แต่เรามีเงินเก็บมากกว่าตอนทำงาน และชีวิตครอบครัวเราดีขึ้นมาก
แต่ก่อนทำงานอาทิตย์ละ 60 – 70 hrs ไม่ได้เจอหน้าลูกเลย ว
ันหยุดก็เหนื่อยเกินกว่าจะเล่นกับลูก โควิตทำให้เราใช้ชีวิตอย่างมีสติมากขึ้น
เราหยุดอยู่บ้านก็ลงเรียนคลาสออนไลน์เก็บใบประกาศไปเรื่อยเปื่อย
ชีวิตอย่าหยุดที่จะเรียนรู้นะจ๊ะสาวๆเงินเก็บมาจากไหน
ในเมื่อได้เงินน้อยกว่าตอนทำงานเงินมาจากค่าเรียนลูกชายที่เราไม่ต้องจ่ายแล้ว
เพราะเราเอาลูกออกจากโรงเรียนมอนเตสตั้งแต่ต้นๆล็อคดาวน์เลย
บางคนอาจจะมองว่ามีเงินเหลือสำหรับใช้จ่าย $2500 เรากลับเอาเงินจำนวนนี้แยกไว้ต่างหาก
ทุกเดือน ใส่เข้าไปในพอร์ตหุ้น เพราะชีวิตไม่แน่ไม่นอน เงินคนว่างงาน
รัฐให้มาได้ก็หยุดให้ได้เหมือนกัน เราต้องไม่หวังพึ่งแต่รัฐ เราต้องพึ่งตัวเองให้ได้
หุ้นก็เช่นกัน ต้องเล่นอย่างมีสติ ทุนน้อย ไม่เป็นไร ใจเย็นๆ

เราอ่านข่าว ฟัง NPR ตลอด Podcast Bigger Pocket เวลาเบื่อ เพราะมัน Hype เราดี
พอรู้ว่าดอกเบี้ยบ้านลงมาต่ำมากๆ เลยชักจูง (ออกแนวหลอกล่อมากกว่า) แฟนให้ซื้อบ้านนอกเมือง
และปล่อยเช่าคอนโดที่อาศัยอยู่ตอนนี้
เพราะบริษัทแฟนเปลี่ยนมา work from home อย่างน้อยๆไปจนถึงปี
หน้ารอบนี้ต้องกู้ชื่อแฟนคนเดียวเพราะเราไม่ได้ทำงาน
ตลอดห้าปีทีแต่งงานกันคือเรา rebuilt เครดิตแฟนอย่างระมัดระวัง
และแฟนกู้ผ่านเพราะเครดิตดีแล้ว เย้เย้ ความพยายามไม่สูญเปล่าเราขายหุ้นมาดาวน์บ้าน
แต่ดาวน์แค่ 3.5% ยอมจ่าย PMI
เพราะมองว่าเราสามารถเอาเงิน 16.5% ที่ควรจะเอาไปดาวน์บ้าน (20%)
ไปทำให้มันงอกเงยได้มากกว่าค่า PMI $160 ต่อเดือนได้ (จริงๆก็มีไม่ถึงด้วยนะแหละ ฮ๋าๆ)
เรื่องบ้านจบไป มาต่อด้วยเรื่องเงิน UI และเรื่องงานเรารู้ว่าเงิน UI จ่ายสูงสุด 26 wks
และเพิ่มให้อีก 13 wks โอเค จดไว้ก่อนเงินนี้ขึ้นอยู่กับร้านด้วย
ถ้าร้านเราเปิด เราต้องกลับไปทำงาน ถ้าเราไม่กลับไปทำงาน เราก็อดได้เงินตรงนี้

และแล้วก็มาถึงวันที่ร้านเราก็เปิดขายอีกครั้ง
หัวหน้าบอกเราล่วงหน้า 3 อาทิตย์ เราบอกหัวหน้าไปว่าเรายังไม่สะดวกกลับไปทำงาน
เพราะสามีเป็น polycystic kidney และตาบอดข้างนึง และความดัน เราไม่อยากเสี่ยง
เรารู้อยู่แล้วว่าแพนด้าไม่ไล่เมเนเจอร์ออกถ้าไม่จำเป็น (Turn over rate)
เรารู้ว่าเค้าจะต้องให้เราเป็น LOA ครั้งแรกได้ LOA มาครอบครองสามสิบวัน
ซึ่งจริงๆแล้วมันต่อได้ เค้าขู่เราไปงั้นแหละ
เพราะสรุปแล้วใช้ LOA ไปทั้งหมด 45 วันถ้วน ข้อนี้สอนให้รู้ว่า รู้เค้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งนะจ๊ะ

เราก็จัดการนัดหมอข้อเท้าที่เราหามาตลอดสองปี เพื่อทำการนัดผ่าตัด
(ซึ่งหมอบอกให้ผ่ามาตั้งแต่สองปีที่แล้ว)
ทำไมเราถึงมานัดผ่าตัดเอาตอนนี้ ทำไมหยุดอยู่บ้านตั้งนานถึงไม่ผ่า

เพราะ! เพราะตลอดเวลาที่ทำงานแพนด้ามา
เราจ่ายเงินค่า short term disability insurance มาตลอดเพื่อการนี้
เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าเรามีปัญหาข้อเท้า ประกันตัวนี้ หากเราทำงานไม่ได้ จะจ่ายเงินให้เราสูงสุด 6 เดือน
ขึ้นอยู่กับหมอเขียนใบให้งานที่เราทำต้องยืนตลอดเวลา
เรารู้อยู่แล้วว่าเราจะได้หยุดหกเดือน (ถ้าทำออฟิตได้หยุดสองเดือนในเคสแบบเรา)
ช่วงที่หยุดอยู่บ้านตอนแรกเรารีบโทรเชคกับประกันเลยว่า หากเราหยุดงานเพราะร้านปิด
คุณมีวิธีคำนวนเงินจ่ายยังไง เพราะตามเดิมคือต้องนับจาก 4 paychecks ล่าสุด
ทางประกันบอกว่าสำหรับปีนี้ จะนับจากรายได้ทั้งปีเอามาหารเฉลี่ย
ซึ่งรายได้รวมโบนัสเราระหว่าง Jan – March 17th (วันสุดท้ายที่ทำงาน)
คือ $34,xxx = เราจะได้เงินจากประกันอาทิตย์ละ $561
ซึ่ง Not bad เพื่อแลกกับการได้ใช้เวลาอยู่กับลูกนานอีกหน่อย
และไม่ต้องเอาความเสี่ยงมาให้สามี อันนี้คือต้องตรวจสอบให้แน่ใจก่อนจะวางแผนทำอะไรนะจ๊ะ
เมื่อได้วันผ่าตัดมาแล้ว ก็ส่งเรื่องเข้า HR จาก LOA ก็กลายเป็น FMLA แทนข้อดีคือ
เรายังคงสถานะพนักงานของแพนด้า ไปเรื่อยๆ

เย้ เย้ งานก็ไม่ต้องทำ ผ่าตัดก็ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายอะไรเลยเพราะประกันครอบคลุมหมด
และที่สำคัญคือยังคงมีเงินรายได้เข้าด้วยทั้งหมดนี้ไม่ใช่โชคช่วยนะคะ
เราชอบอ่าน เราชอบหาความรู้ เราชอบตั้งคำถามเรารู้ตัวว่าเราไม่เก่ง
และยังมีข้อบกพร่องอีกเยอะ เพราะฉะนั้นเราจะไม่หยุดหาความรู้ ไม่หยุดเรียนรู้ค่ะ

Happy learning นะคะ

รวม Website สำหรับการเรียนออนไลน์ ฟรี ภาค 1

รวม Website สำหรับการเรียนออนไลน์ ฟรี ภาค 1

รวมคอร์สออนไลน์ทั้งไทยและเทศ ในหลากหลายแขนง แก้เบื่อ เพิ่ม skill แก้เบื่อกันไปพลางๆช่วงกักตัว

*** สำหรับคอร์สทำอาหาร หลักสูตรเรียนออนไลน์ จัดสอนโดยมหาวิทยาลัยต่างๆ ในประเทศไทย ที่สำคัญเรียนฟรี และได้ใบประกาศด้วย! คลิ๊กที่นี่ ***

ของไทย อรยังไม่เคยลองนะ แต่เห็นเพื่อนๆหลายคน โดยเฉพาะครอบครัวโฮมสคูลเด็กๆ นิยมลงเรียนกันก็มี

https://mooc.chula.ac.th/ และ https://thaimooc.org/

ข้อดีคือ เนื้อหาทั้งหมดเป็นภาษาไทย เข้าใจง่าย ความยาวคอร์สกำลังดี และที่สำคัญ เรียนฟรีจ้า เรียนจบก็ได้ใบประกาศฟรีไปเลย ไม่ต้องเสียเงิน

ข้อเสียคือ บางคอร์ส ไม่ใช่ทุกคอร์สนะคะ จำกัดจำนวนลงทะเบียนค่ะ บางตัวเต็มเร็วมาก ลงไม่ทัน อรนี่จ้องๆไว้สองสามคอร์ส เปิดรับแค่ 10,000 คน โถ๊ะ ใครมันจะไปทัน และสื่อการสอนบางตัวยังไม่ดีเท่าที่ควร (จากการสอบถามความเห็นหลายๆคนที่ลงเรียนไปแล้ว)


มีคอร์สเรียนฟรี 15 วิชาชีพ ช่วงอยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ โดยกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน สังกัดกระทวงแรงงาน เชิญชวนประชาชนที่อยู่บ้าน หยุดเชื้อ เพื่อชาติ มาเปิดโอกาสเรียนทักษะสายอาชีพผ่านเว็บไซต์ มีให้เลือกเรียนถึง 15 อาชีพสำคัญที่ตลาดต้องการสูง โดยการเรียนในรูปแบบวิดีโอ สอนโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ 15 สายอาชีพที่มีการเรียนในรูปแบบวิดีโอ สอนโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ประกอบไปด้วย ช่างซ่อมรถจักรยานยนต์ ช่างซ่อมรถยนต์ ช่างเชื่อมไฟฟ้า ช่างซ่อมโทรทัศน์ การซ่อมโน้ตบุ๊คและไมโครคอมพิวเตอร์ การประกอบอาหารไทย ช่างขับรถยก ช่างเครื่องปรับอากาศ ภาษาอังกฤษ ภาษาญี่ปุ่น ภาษาเกาหลี ช่างพ่นสีรถยนต์ ช่างเชื่อมอาร์กโลหะด้วยมือ ช่างไฟฟ้าในอาคาร อาชีพอิสระ (ทำดอกไม้จันทน์, ปั้นโอ่ง, เดคูพาจ) ทั้งหมดจะเรียนในรูปแบบวิดีโอ สอนโดยวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ ไม่ต้องลงทะเบียนอะไร ไม่เสียค่าใช้จ่าย คลิกเข้าไปที่ http://eit.dsd.go.th/dsdtraining.php

หน้าตาจะเชยๆหน่อย เหะเหะ

https://th.khanacademy.org/

อันนี้คือทีเด็ดสำหรับเด็กมอปลายและมหาลัย ซึ่งเป็นเนื้อหาแบบอินเตอร์ มีอยู่ประมาณ 3,000 บทเรียน ทั้ง คณิตศาสตร์ ฟิสิกส์ เคมี ชีววิทยา เศรษฐศาสตร์ ประวัติศาสตร์ มีภาคภาษาไทย เริ่ด แต่เนื้อหายังไม่ครอบคลุมทั้งหมดทุกวิชาบนเว็บ

คาน อะคาเดมี่ เป็นองค์กรที่มุ่งมั่นในการดำเนินการตามพันธกิจ เป็นองค์กรไม่แสวงผลกำไรโดยมีเป้าหมายในการพัฒนาการศึกษาให้ดียิ่งขึ้นด้วยการให้การศึกษาในระดับชั้นนำสำหรับทุกคนไม่ว่าที่ไหนโดยไม่คิดมูลค่าใดๆทั้งสิ้น จุดเด่นของ Khan Academy คือ สอนเรื่องยากๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายๆ

ใครที่มีความสามารถในการแปลภาษาอังกฤษ ก็มาช่วยกันแปลได้ มีกลุ่มนักแปลภาษาในเฟสบุ๊ค https://www.facebook.com/pages/Khan-Academy-Thai-translators/153101561451659 โดยสามารถแปลผ่านเว็บ http://www.universalsubtitles.org ได้ สมัตรสมาชิกแล้ว เลือกวีดีโอแล้วเริ่มแปลได้เลย !!!

และ อันนี้คือเว็บหลัก ที่เป็นภาษาอังกฤษค่ะ https://www.khanacademy.org/

This image has an empty alt attribute; its file name is screen-shot-2020-04-29-at-10.29.40-am.png

ภาคภาษาอังกฤษกันบ้าง อันนี้คือ Real deal สุดๆ มีเยอะมาก บันเทิงงงงงสุด

** เข้าไปดูคอร์สฟรีแบบได้ใบประกาศฟรีโดย Coursera ช่วง Covid-19 ได้ที่นี่ เขียนวิธีลงทะเบียนไว้อย่างละเอียดจ้า **

ปกติแล้วคอร์สที่อรเรียนฟรีแทบทั้งหมด แต่ถ้าอยากได้ใบประกาศต้องเสียเงินแต่ละ website จะมีเนื้อหารายวิชาที่ต่างกัน จากมหาลัยที่ต่างกัน

มีทั้งแบบ certificate คอร์สจะสั้นว่า แบบ Specialization และแบบ Diploma ที่ค่อนข้างจะจริงจังเลย เนื้อหาแน่นมาก ใช้เวลาเรียนพอสมควรเลยทีเดียว มีเรียนเอาจริงเอาจังแบบได้ใบปริญญาด้วยนะ จะรีวิวเฉพาะตัวที่ใช้บ่อย ๆ นะคะ https://www.coursera.org/ และ https://www.edx.org/

เลือกเอาเลยจ้า อยากจบจาก Harvard หรือ จาก Stanford

สอง Website นี้จะคล้ายกัน มีคอร์สที่หลากหลายมาก มาจากหลายมหาวิทยาลัย มีหลายคอร์สที่เรียนฟรี แต่ถ้าอยากได้ใบประกาศสามารถเสียเงินได้ $99 Edx , $49 for Coursera โดยประมาณค่ะ

Note *

จะเห็นว่ามีแต่ใบประกาศจาก Coursera ทั้งๆที่จริงๆแล้วอรเริ่มเรียน Edx ก่อน แต่ไม่สำเร็จจ้าาาาา Coursera สำหรับอรเป็น Selfpace กว่า เข้ากับไลฟ์สไตล์ และ วิธีการจัดการเวลาของอรมากกว่าค่ะ

ถ้าใครคิดว่าจิตแข็งพอสมควร จะลงเรียนเอาใบปริญญาแบบเรียนออนไลน์ทั้งหมดเลยก็ได้ (Online degree) ราคาแอบแรงอยู่

หรือบางคอร์สเป็นแบบ university credit คือสามารถลงเรียน และทราเฟอร์หน่วยกิตเข้ามหาลัยปกติได้ค่ะ

ถ้าไม่เสียเงินก็จะไม่มีอะไรให้เก็บไว้ดูเป็นเครื่องยืนยันเลยว่าเราผ่านแล้ว แต่ตอนนี้ทาง Coursera มีคอร์สเรียนฟรี แบบเรียนจบได้ใบประกาศทันที ไม่ต้องเสียเงินซื้อค่ะ

** เข้าไปดูคอร์สฟรีแบบได้ใบประกาศฟรีโดย Coursera ช่วง Covid-19 ได้ที่นี่ เขียนวิธีลงทะเบียนไว้อย่างละเอียดจ้า **


https://alison.com/

อันนี้จะเป็นคอร์สจัดทำโดยทาง Alison เอง เน้นไปทาง Business, Management และ Psychology แอบเห็นมีสอนภาษาญี่ปุ่นด้วย

ต่างจากสอนเว็บข้างบนตรงนี้ เว็บนี้เน้นอ่าน ไม่ค่อยมีสื่อวีดีโอ

ของ Alison นี้ถ้าสอบผ่านแล้วจะมี Learner Achievement Verification พร้อม QR code ให้ เราจะเสียเงินซื้อใบประกาศด้วยก็ได้ แต่ถึงแม้เราจะไม่อยากเสียเงินซื้อใบประกาศ แต่เรายังมีใบนี้ยืนยันว่าเราได้ผ่านคอร์สนี้แล้วค่ะ

สามเว็บนี้เราต้องทำข้อสอบ ต้องได้ 70% – 80% ขึ้นไปเท่านั้นถึงจะผ่าน แต่สามารถสอบได้หลายครั้งค่ะ


Code.org

สำหรับเรียน coding อรให้ลูกชาย สี่ขวบใช้เว็บนี้อยู่ เรายังงง แต่ลูกชายก็ทำได้ดีนะ

เป็น website ที่ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้เป็นสื่อการสอนการเขียนโปรแกรมให้กับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยองค์กรไม่แสวงผลกำไรด้วยความมุ่งหวังที่จะผลักดันให้ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ถูกนำไปใช้สอนในโรงเรียน เรียกว่า เป็นการติดอาวุธทางปัญญาให้กับเด็กๆรุ่นใหม่ทั่วโลกกัน คุณครูหรือผู้ปกครองสามารถนำไปใช้สอนเด็กๆหรือลูกๆโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งทางผู้พัฒนาได้มีการออกแบบหลักสูตรการสอนไว้แล้ว และทำเป็นเกมส์ให้เด็กๆเล่นไปในระหว่างการเรียน ทำให้เด็กๆมีความสนุกและเกิดความสนใจในระหว่างการเรียนรู้ด้านการเขียนโปรแกรมนี้

เว็บไซต์นี้เป็นมิตรกับทุกคน ไม่ว่าคุณจะมีอายุเท่าไหร่ เป็นเด็กนักเรียนหรือคุณครู ก็สามารถเรียนเขียนโปรแกรมได้เช่นกัน ทางเว็บไซต์ได้ออกแบบหลักสูตรที่คุณครูสามารถนำไปใช้ในการเรียนการสอนได้เลย ซึ่งถือว่าดีมากๆ เพราะว่าในหลักสูตรนั้นไม่ได้มีแค่ตัวชี้วัดเพียงแค่นั้น แต่ยังมีแบบฝึกหัดให้ได้ฝึกทำ มีตัวอย่างต่างๆ วิธีการจัดกิจกรรม ซึ่งจะมีตั้งแต่หลักสูตรตั้งแต่ ป.1 จนถึงระดับที่เหมาะกับผู้ใหญ่

แต่คุณครูส่วนใหญ่นั้นก็อาจจะขาดพื้นฐานในการเขียนโปรแกรม ทางองค์กรจึงได้จัดการอบรมฝึกเขียนโปรแกรมให้กับเหล่าแม่พิมพ์หลากหลายชาติทั่วโลก โดยปัจจุบันมีคุณครูที่ได้รับการฝึกเขียนโปรแกรมกว่า 72,000 คน และคุณครูทั่วโลกที่ผ่านการเรียนเขียนโปรแกรมผ่านเว็บไซต์ code.org มากกว่า 800,000 คน ซึ่งเป็นการอบรมแบบไม่เสียค่าใช้จ่ายอีกด้วย — ขอบคุณข้อมูลจาก Medium.com


จริงๆคอร์สฟรีและดีมีอีกเยอะ แต่อรเลือกมาแค่ที่อรเคยใช้และมันเวิร์ค (ยกเว้นภาคภาษาไทย ไม่เคยใช้จริงๆ) ยังมีอีกมากมายหลายเว็บไซต์ เช่น www.udacity.com www.udemy.com

เขียนไปเขียนมาทำไมมันยาวขนาดนี้ละเนี่ย

ขอตัดจบตรงนี้ แล้วเดี๋ยวขึ้น ภาค 2 นะจ๊ะ

Happy learning ค่า

หนังสือเสียงฟรีสำหรับเด็ก ไม่ต้องเป็นสมาชิคก็ฟังได้

หนังสือเสียงฟรีสำหรับเด็ก ไม่ต้องเป็นสมาชิคก็ฟังได้

เด็กๆไม่ได้ไปโรงเรีย

เด็กๆไม่ได้ไปโรงเรียน แม่ๆ หากิจกรรมให้ทำจนหมดมุขแล้ว มาทางนี้เลยจ้า Audible ซึ่งเป็นเอปหนังสือเสียงที่เป็นที่นิยมที่สุดในโลก ได้เปิดให้เด็กๆได้ฟังหนังสือเสียงฟรี โดยไม่ต้องเป็นสมาชิกค่ะ


มารู้จักคร่าวๆ ก่อนดีกว่าว่า Audible คืออะไร

Audible เป็นบริษัทลูกภายใต้ Amazon ที่ผลิต “หนังสือเสียง” หรือ “Audiobook” รายใหญ่ที่สุดของโลก ซึ่งรวบรวมหนังสือเสียงภาษาอังกฤษเอาไว้มากกว่า 180,000+ เล่ม ที่อ่านโดยนักอ่าน นักพากย์ หรือแม้กระทั่งอ่านโดยตัวนักเขียนเอง


เอาล่ะ วันนี้เราจะเน้นไปที่หนังสือเสียงฟรีสำหรับเด็กนะคะ

ก่อนอื่นเลย เข้าไปที่ https://stories.audible.com/start-listen ค่ะ

For as long as schools are closed, we’re open. Right now, kids everywhere can instantly stream an incredible collection of stories, including titles across six different languages, that will help them continue dreaming, learning, and just being kids.

All stories are free to stream on your desktop, laptop, phone or tablet.

Explore the collection, select a title and start listening.

It’s that easy.


พอคลิ๊กเข้าไปก็จะขึ้นหน้าเพจหน้าตาประมาณนี้

จะเห็นได้ว่ามีแฮรรี่พอตเตอร์หลายภาษามาก เอาล่ะ สนุกละงานนี้

มีแบ่งเป็นหมวดหมู่คร่าวๆดังนี้ค่ะ (คลิ๊กที่หัวข้อที่ต้องการได้เลยค่ะ แนบลิ๊งค์ไว้ให้แล้ว)

Littlest Listeners

Elementary

Tween

Teen

Literary Classics

Folk & Fairy Tales for All

Folk & Fairy Tales for All

Auf Deutsch hören

À écouter en français

Escute em português

Titoli in italiano

日本語の作品

โปรแกรมนี้เรียกว่า Audible Stories ใช้งานง่ายมากๆ ไม่ต้องเป็นสมาชิค Audible or Amazon ไม่บังคับสมัครด้วย ไม่ต้องกลัวว่าเด็กๆจะไปเผลอกดอะไรให้เสียตัง ไม่มีลิมิทของจำนวนหนังสือที่ต้องการฟังค่ะ

กดที่ Start listening ปุ่มสีส้มๆ เป็นอันเสร็จเรียบร้อยค่า

Happy learning นะคะ